หลังจากวันศุกร์ที่ผ่านมาหลายคนคงได้รู้จักพระราชวังบัคคิงแฮม ในกรุงลอนดอน สถานที่ที่เจ้าชายวิลเลี่ยมจุมพิตเคท มิดเดิลตัน จนเป็นภาพที่ตราตรึงใจคนไปทั่วโลกเป็นอย่างดี ภาพที่ถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำอีกก็อดสงสัยไม่ได้ว่าผนังที่อยู่เบื้องหลังฉากรักสุดโรแมนติกนี้ประกอบไปด้วยหินอะไร ในระหว่างร่วมพิธีผ่านทางยูทูปเราก็ทำการค้นหาข้อมูลไปด้วย แล้วก็ได้พบคำตอบที่น่าสนใจ
เย็นวันศุกร์นั้นเอง เราได้ร่วมออกเดินทางไปกับกลุ่มนักศึกษาจากเนเธอร์แลนด์ที่เดินทางมาดูหินในอังกฤษโดยการสนับสนุนจาก AAPG ช่างเป็นความบังเอิญ เพราะทริปนี้จะพาเราไปเยือนแหล่งหินที่เป็นที่จิ๊กซอร์ชิ้นสำคัญของพระราชวังบัคคิงแฮมด้วย ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่เราค้นหาไว้ เราออกจากกรุงลอนดอนในช่วงบ่ายของวันศุกร์ไปยังเมืองเวย์เมาท์ เมืองชายฝั่งทางใต้ของเกาะอังกฤษ บรรยากาศของเมืองเต็มไปด้วยผู้คนเนื่องจากเป็นวันหยุดยาวและอยู่ในช่วงของการเฉลิมฉลองพิธีเสกสมรส เย็นวันนั้นเราไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกประมาณยี่สิบกว่าคน บรรยายกาศเป็นไปด้วยความสนุกสนานแม้ว่าจะต้องคุยกันด้วยมือข้างเดียว เพราะอีกมือต้องใข้ประคองแก้ว ตีหนึ่งคืนนั้นเราเข้านอนแบบมึนๆ โดยที่จำชื่อเพื่อนใหม่ไม่ได้สักคน
ช่วงบ่ายของวันเสาร์ดร.เอียนได้พาพวกเรามายังสถานที่ที่เขาบอกว่านักธรณี “ต้องมา” สถานที่แห่งนี้เรียกว่า Lulworth Cove ซึ่งเป็นชายฝั่งที่มีโครงสร้างหินยุ่งกว่าที่อื่นที่เรียกกันในภาษานักธรณีโครงสร้างว่า inversion structure ชั้นหินโค้งงอที่โผล่ในบริเวณนี้เป็นหินยุคจูแรสสิกตอนปลายที่เกิดในสภาพแวดล้อมแบบทะเลสาบและทะเลตื้น ก่อนลงไปดูหินใกล้ๆ ดร.เอียนได้กำชับพวกเราอีกครั้งในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากแต่ละปีมักจะมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตในบริเวณนี้ พวกเราจึงต้องสวมหมวกนิรภัยป้องกันหินหล่นโดนหัวไว้ตลอด ซึ่งทำให้พวกเราดูแปลกไปจากนักท่องเที่ยวทั่วไป จนมีคนตะโกนทัก Hello Geologist! (สงสัยจะมีนักธรณีไปบ่อยจริงๆ) ด้วยภูมิทัศน์และธรณีวิทยาที่โดดเด่น แนวชายฝั่งบริเวณนี้จึงถูกกำหนดให้เป็นมรดกโลก และได้รับความสนใจจากคนทั่วไปเป็นอย่างมากในช่วงฤดูร้อน ปิดท้ายของวันเราได้แวะชมหินทรายที่เป็นแหล่งกักเก็บน้ำมันหลักของแหล่ง Wytch Farm ที่เรียกว่า Bridport Sands โดยจุดที่เราไปดูเป็นหน้าผาชั้นหินทรายที่อยู่ติดชายหาด West Bay
วันต่อมาพวกเราออกเดินทางเช้ากว่าเดิม เพราะต้องทำเวลาก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับประเทศ วันนี้ดร.เอียนได้พาพวกเราไปยังแหล่งหินปูนสีขาวที่อยู่เบื้องหลังความสวยงามของอนุสาวรีย์ และสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในอังกฤษ แน่นอนว่ารวมไปถึงพระราชวังบัคคิงแฮมด้วย เราเดินทางไปยังเกาะที่ชื่อว่า Isle of Portland ที่นี่เป็นต้นกำเนิดของหินปูนปนฟอสซิลที่เรียกว่า oolite เป็นส่วนใหญ่ อายุจูแรสสิกตอนปลาย เมื่อไปถึงเราก็ได้พบกับแอมโมไนต์ตัวยักษ์ที่เกาะอยู่ตามรั้วข้างถนนพร้อมกับเพื่อนหอยตัวเล็กๆ ที่แทรกอยู่ในหินมากมาย เราเดินไปเรื่อยๆ จนถึงเหมืองหินเก่า ซึ่งเคยถูกใช้งานในอดีตที่ยังคงมีร่องรอยของการทำเหมืองให้เห็นอยู่ นอกจากนี้ในบริเวณใกล้กันนี้ยังมีเหมืองหินที่ยังคงใช้งานอยู่ด้วย หินปูนที่เรียกตามชื่อเกาะว่า Portland stone ได้ถูกตัดออกเป็นก้อนสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆ เพื่อง่ายต่อการขนส่งและใช้งาน บางส่วนถูกส่งไปไกลจนถึงอเมริกา (สร้างตึก UN สำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก) หินเหล่านี้ได้รับความนิยมต่อการก่อสร้างสถาปัตยกรรมอย่างมากเนื่องจากคงทนต่อการผุพัง แต่ง่ายต่อการแกะสลัก ดร.เอียนเล่าว่าพระราชวังบัคคิงแฮมสร้างจากหินปูนในบริเวณนี้ นอกจากนี้ยังเป็นหินที่มีสมบัติในการกักเก็บแก๊สธรรมชาติที่ดีด้วย มาถึงจุดนี้เราไม่รู้ว่าหินที่เรามองดูอยู่นี้จะใช้ประกอบส่วนใดของวัง คิดว่าหากได้มีโอกาสเข้าวังก็จะพกแว่นขยายกับกรดไปด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
ธรณีวิทยาบริเวณชายฝั่งใต้ของอังกฤษ โดย ดร.เอียน เวสต์ http://www.soton.ac.uk/~imw/
หินปูน Portland http://en.wikipedia.org/wiki/Portland_stone
มรดกโลก Dorset http://whc.unesco.org/en/list/1029