ในทุกๆ ปี นักเรียนมัธยมชั้นปีสุดท้ายจะต้องเข้าสอบตามสนามสอบต่างๆ เพื่อเก็บคะแนนไว้สำหรับการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของเส้นทางอาชีพในอนาคต การสอบที่เข้มข้นตลอดทั้งปีและความไม่แน่ใจในการเลือกสายอาชีพ ทำให้ชีวิตของการเป็นนักเรียนนั้นเต็มไปด้วยความเครียดและความกดดันมากมาย น้องเบส หนุ่มเหนือผู้ที่เลือกจะเดินในเส้นทางสายธรณี แม้ว่าจะรู้ว่าเมื่อเรียนจบธรณีไปแล้ว อาจจะไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาฝันไว้แต่แรกก็ตาม จะมาเล่าถึงวิธีคิดและการสอบแนวใหม่ที่เขาเพิ่งได้ผ่านพ้นมา
และสองคู่หู รุ่นพี่วัยใสจะมาถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตการเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง และการปรับตัวในรั้วมหาวิทยาลัยให้ชาวจีโอไทยได้ฟังกัน
เปิดประสบการณ์การสอบเข้ามหาวิทยาลัย
แนะนำตัวเองหน่อยครับ?
สวัสดีครับ ชื่อ ธีรัวัฒน์ ครองยุติ ชื่อเล่น “เบส” จาก โรงเรียนสามัคคีวิยาคม จ.เชียงราย ครับ
รู้สึกอย่างไรครับ หลังจากที่ทราบผลแอดมิชชั่น?
รู้สึกดีใจครับ เพราะติดคณะที่เลือกไว้เป็นอันดับ 1 คือ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาธรณีวิทยา อัญมณี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ครับ ตอนที่เข้าไปดูผลในเว็บไซต์ แทบไม่ได้ลุ้นเลยครับ เพราะหลังจากที่กรอกเลขประชาชนกับเลขที่สมัครเสร็จ ก็รู้ผลเลยทันที แต่ก็โชคดีครับที่ติดคณะที่เราหวังไว้
ทำไมถึงเลือก ธรณีวิทยาครับ?
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกธรณี ผมอยากเข้าหลายคณะมาก แบบว่าสับสนไม่รู้จะเป็นอะไรดี อยากเข้าแพทย์ ทันตะ เภสัช วิศวะ โอ้ มากมายจนจำไม่ได้ ใจจริงผมอยากทำงานเกี่ยวกับน้ำมันครับ อยากอยู่แท่นขุดเจาะน้ำมัน ผมเลยมองคณะที่เกี่ยวกับน้ำมันไว้หลายที่ พอได้ลองเข้าไปอ่านบทความและปรึกษานักธรณีวิทยาจากเว็บ GeoThai.net ทำให้ผมได้รู้จักธรณีวิทยาและเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพนักธรณีวิทยามากขึ้น ซึ่งพบว่านักธรณีวิทยาก็มีโอกาสได้ทำงานบนแท่นเจาะน้ำมันได้เช่นกัน แม้จะรู้ว่าการที่สอบเข้าไปได้ไม่ใช่ว่าจะได้ทำงานด้านน้ำมันทุกคน แต่ผมก็ได้เริ่มสนใจสาขาธรณีเข้าแล้ว ดังนั้นผมจึงเลือกและจะตั้งใจเรียนสาขานี้ที่มช.ครับ เนื่องจากทางบ้านไม่อยากให้ไปเรียนไกล และอยากให้อยู่เชียงใหม่ครับ
“แม้จะรู้ว่าการที่สอบเข้าไปได้ไม่ใช่ว่าจะได้ทำงานด้านน้ำมันทุกคน แต่ผมก็ได้เริ่มสนใจสาขาธรณีเข้าแล้ว”
อะไร ที่ทำให้คิดว่าธรณีวิทยาเป็นสาขาที่ดีที่สุดสำหรับเรา?
ผมว่าน่าจะบุคลิกน่ะครับ ผมอยากทำงานที่ลุยๆๆ ไม่จำเจครับ ชอบการท้าทายและท่องเที่ยว ประกอบกับเป็นสิ่งที่ผมอยากเรียน จึงคิดว่าน่าจะเป็นสาขาที่ดีที่สุดสำหรับผมครับ
มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง หลังจากที่ตัดสินใจแล้วว่าเราจะเรียนธรณีวิทยา?
ผมเริ่มวางแผนตอนคะแนนแอดมิชชั่นออกครับ พอดีคะแนนผมเกินมากจากคะแนนต่ำสุดของปีก่อนพอสมควรครับ จึงคิดว่ามีโอกาสลุ้น จากนั้นผมก็เตรียมเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมครับ เนื่องจากผมอ่อนภาษา เพื่อโอกาสที่ดีในอนาคตต่อไป
ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าผ่านการสอบอะไรบ้างถึงได้ผลแอดมิชชั่นนี้มา?
รุ่นผมเป็นรุ่นหนูทดลองเลยก็ว่าได้ คือมีการเปลี่ยนจากระบบ A-net มาเป็น GAT และ PAT ส่วนข้อสอบ O-net ก็เปลี่ยนแนวการตอบจากปีก่อนๆ ซึ่งถ้าจะยื่นคะแนนเข้าคณะวิทยาศาสตร์ ธรณี ต้องสอบ O-net GAT PAT 1 และ 2 ครับ ปีนี้คะแนนลดลงมาก อาจจะเป็นเพราะข้อสอบ PAT 1 และ 2 ค่อนข้างยาก และ O-net มีการเปลี่ยนแนว จึงทำให้คะแนนต่ำสุดปีนี้ลดลงเกือบทุกคณะ จะมีขึ้นเพียงไม่กี่คณะ คณะไหนที่ใช้ GAT เยอะ คณะพวกนี้คะแนนก็จะขึ้นครับ แต่ก็ไม่เป็นไรนะครับ เพราะคิดเสียว่า เราทำไม่ได้ คนอื่นก็ทำไม่ได้เช่นกัน (ฮ่าๆ) แต่จริงๆ ก็แอบเครียดเล็กน้อยครับ พอเจอข้อสอบพวกผ้าปูโต๊ะ ก็ฉุดคะแนนลงมากสำหรับผม ยังดีที่มีวิชา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาไทย ช่วยไว้ได้เยอะ แต่โดยรวมแล้วคะแนนผมถือว่าไม่มาก ไม่น้อยครับ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยสำหรับการเข้าคณะวิทยาศาสตร์ ก็เลยเลือกวิทยาสาสตร์ ธรณี เป็นอันดับ 1 ครับ
ได้ศึกษาข้อมูลสาขาธรณีเพิ่มเติมหรือรับคำปรึกษาจากที่ไหนบ้าง ผู้ปกครองคิดเห็นอย่างไร สนับสนุนหรือไม่?
ส่วนมากผมศึกษาจากเว็บไซต์ครับ อ่านบทความต่างๆ เกี่ยวกับสายงานของนักธรณีวิทยา และได้ขอคำปรึกษาจากรุ่นพี่นักธรณีวิทยาด้วย ส่วนทางครอบครัวก็ไม่ได้บังคับแต่อย่างใด เพียงแต่อยากให้เลือกคณะที่จบมาแล้วมีงานรองรับครับ เพื่อนๆ ผมส่วนมากจะอยากเป็นพวกแพทย์ เภสัช ทันตะ วิศวะ กันเยอะครับ ธรณีก็มีบาง บางคนเลือกธรณี แต่ก็ไม่ได้เลือกไว้เป็นอันดับ 1 ครับ
ตั้งเป้าหมายไว้อย่างไรบ้างในระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยและหลัง เรียนจบการศึกษา?
ผมคิดว่าต้องตั้งใจเรียนในห้องเป็นหลัก อ่านหนังสือเพิ่มเติมจากที่อาจารย์สอน และก็ฝึกภาษาอังกฤษเพิ่มเติม หมั่นทบทวนอยู่ตลอดเวลาครับ ทำเกรดให้ดีดี พอจบมาจะได้พร้อมกับการสมัครงานที่ดี ผมอยากทำงานเกี่ยวกับปิโตรเลียมครับ อยากไปทำงานแท่นขุดเจาะ มันเป็นความฝันของผมเลยก็ว่าได้ ถ้าจบตรีผมก็อยากต่อโทด้วยนะ ถ้ามีโอกาสครับ
สุดท้ายนี้อยากฝากบอก อะไรกับน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบอยู่ตอนนี้บ้าง?
ผมว่าควรจะเริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ควรอ่านใกล้สอบมากเกินไปครับ เพราะถ้าใกล้สอบเราจะกระวนกระวาย และจะเครียดมากยิ่งขึ้น จนบางทีอาจจะทำให้ท้อ และไม่อยากอ่านไปเลย การเริ่มต้นที่ดีเท่ากับสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ควรมีการวางแผน ไม่ควรอ่านหนังสือมั่วครับ มันจะทำให้เราจะสับสน ผมคิดว่าการเตรียมตัวสอบที่ดีคือ การทำโจทย์ให้มากเท่าที่จะมากได้ ดังนั้นจงเต็มที่และให้ความสำคัญกับการสอบทุกครั้ง พยายามแก้ไขปรับปรุงสำหรับการสอบในครั้งต่อไป ผมเชื่อว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น” ครับ
ชีวิตนักศึกษาธรณีชั้นปีที่หนึ่ง
สวัสดีค่ะ ชื่อ ลีลาวัลย์ เขื่อนเพ็ชร ชื่อเล่น ใหม่ ค่ะ
สวัสดีครับ ชื่อ กิตติรัช อินทรศิริ ชื่อเล่น จอร์จบุช ครับ
ใหม่ : พวกเราสองคนเป็นนิสิตชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์พื้นพิภพ (Earth Science) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างครับ หลังจากที่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยมาแล้วหนึ่งปี?
ใหม่ : ก่อนอื่นขอย้อนไปตั้งแต่วันประกาศผลแอดมิชชั่นก่อนเลยนะคะ จำได้ว่าตอนนั้นตื่นเต้นมาก
จอร์จบุช : ใช่ครับตื่นเต้น ลุ้นผลเต็มที่เลยครับ พอรู้ว่าติดปุ๊ป เอาล่ะครับทีนี้
ใหม่ : คือตอนนั้นก็ดีใจนะคะ แต่มันจะมีความรู้สึกกังวลแทรกอยู่ กลัวว่าเราจะเรียนได้มั้ย ไหวมั้ย อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ
จอร์จบุช : ของผมนี่จะเริ่มเกิดความคาดหวังต่างๆนาๆ มากมายเลยครับ อย่างเช่น เรียนจะเป็นไง จะเจอเพื่อนแบบไหน เข้ากันได้มั้ย บรรยากาศในมหาลัยจะเป็นไง แบบนี้ครับ
ใหม่ : พอได้เข้ามาสัมผัสกับชีวิตในมหาวิทยาลัยจริงๆ ก็ทำให้รู้ว่า มันต่างจากการเรียนตอนมัธยมมาก คือไม่ได้เรียนเต็มวัน แล้วอย่างเทอมแรก เรายังไม่ได้เรียนวิชาที่เป็นตัวภาค จะเรียนแต่พวกวิชาพื้นฐาน
จอร์จบุช : พวกฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แคลคูลัส ภาษาอังกฤษ อะไรประมาณนี้ครับ เราจะได้เรียนรวมกันกับเพื่อน สาขาอื่น หรือคณะอื่นหลายร้อยคนเลยครับ เรียนแบบเป็นห้องบรรยายใหญ่ๆ น่ะครับ
ใหม่ : ทำให้เราได้เจอเพื่อนเยอะ ก็สนุกสนานฮาเฮดีนะ และที่สำคัญ เวลาเรียนห้องบรรยายใหญ่ๆ แบบนี้ จะไม่ค่อยมีการเช็คชื่อ หรือว่าส่งการบ้านเท่าไหร่
จอร์จบุช : นั่นแหละครับ จากช่วงแรกๆ คนจะแน่นห้องเรียนมาก แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก คนก็จะเริ่ม น้อยลงๆ ยิ่งหลังจากที่คะแนนสอบมิดเทอมออกนี่ หายไปเยอะมาก เนื่องจากดรอปรายวิชาไปกัน แล้วนั่นเองครับ (หัวเราะ)
ใหม่ : ส่วนคนที่เข้าเรียน ก็ใช่ว่าจะตั้งใจเรียนทุกคนไป อย่างพวกเรานี่บางทีก็ยังมีคุยกัน เล่นกัน แล้วก็ แอบกินขนมกันด้วย ใช่มั้ยบุช?? (หัวเราะ)
จอร์จบุช : มันเป็นวิธีการลดความเครียด แล้วแก้ง่วงของเราไงครับ^^
“เราเรียนแล้วสนุกดี ยิ่งเรียนยิ่งอยากรู้ว่าอะไรจะเป็นไงต่อ ความคิดที่ว่าจะซิ่วนี่หายไปเฉยเลย”
แล้วที่ผ่านมาคิดว่าเราตัดสินใจเลือกเดินถูกทางหรือไม่?
ใหม่ : อยากจะบอกว่า จริงๆ แล้วตัวใหม่เองไม่ได้ตั้งใจจะเรียนทางด้านธรณีมาตั้งแต่แรก คือใจหันเหไปทางพวก สายศิลป์แบบว่าเกินครึ่งแล้ว ก็ยังงงๆ กะตัวเองอยู่นะว่าตอนนั้นเราเลือกมาได้ไง แล้วยิ่งตอนเรียนมหาวิทยาลัย เทอมแรกนี่ โอ้โห เคมี ชีวะแคลคูลัส ตอนนั้นคิดหนักเลยว่า เราจะอยู่หรือจะไปดี
จอร์จบุช : ผมก็คล้ายๆใหม่ครับ ไม่ได้ตั้งใจเรียนด้านนี้แต่แรก ก็ไม่รู้ว่าจบแล้วจะทำงานอะไรยังไง ก็คิดจะซิ่วอยู่เหมือนกัน
ใหม่ : แต่พอเทอมสอง เราได้เริ่มเรียนวิชาภาค หลังจากเรียนไปสักพัก ใหม่ก็รู้สึกว่าชอบนะ เราเรียนแล้วสนุกดี ยิ่งเรียนยิ่งอยากรู้ว่าอะไรจะเป็นไงต่อ ความคิดที่ว่าจะซิ่วนี่หายไปเฉยเลย ^^
จอร์จบุช : ของผมที่ไม่ซิ่วเพราะว่าตื่นไปสอบไม่ทันครับ (หัวเราะ) เลยคิดว่า เอาไงก็เอา ไหนๆก็เลือกมาแล้ว สู้ตายละกัน แต่ผมว่าก็ดีนะที่ไปสอบไม่ทัน เพราะว่าเรียนๆ ไปผมก็รู้สึกสนุกกับมันนะครับ
ใหม่ : จะว่าไปก็แปลกอยู่เหมือนกันนะคะ อย่างใหม่กับบุชไม่ได้ตั้งใจจะเรียนด้านธรณีแต่แรก แต่ก็มีหลายคนนะที่เค้า สนใจมาแต่แรกแล้ว แต่พอเรียนๆ ไปเค้ากลับบอกว่ามันไม่ใช่ตัวเค้า บางคนก็ซิ่วไป บางคนก็เรียนต่อ
จอร์จบุช : อะไรที่เคยคิดว่าใช่มันกลับไม่ใช่ แต่อะไรที่เคยคิดว่าไม่ใช่ มันกลับใช่ซะงั้น -*-
“และที่สำคัญอีกเหมือนกันก็คือการที่ตัวเราต้องมีวินัยต่อตัวเอง มีความรับผิดชอบ แล้วก็รู้จักแบ่งเวลา อันนี้สำคัญมาก”
คิดว่าสิ่งสำคัญในการเรียนมหาวิทยาลัยปีแรกคืออะไร ที่ซึ่งคิดว่าจะส่งผลดีต่อการเรียนในชั้นปีที่สูงขึ้น?
ใหม่ : สิ่งสำคัญหรอคะ ใหม่ว่า ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเราหมดเลยนะ คือเราต้องถามใจตัวเองก่อนว่า เราโอเคมั้ย ไม่อยากให้ฝืนใจตัวเอง เพราะมันจะเป็นผลกระทบไปหมดเลยจริงๆ คือถ้าใจเราไม่ให้กลับตรงนี้แล้ว เราก็จะไม่สามารถวางแผนจัดการกับตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นวางแผนการเรียน การใช้ชีวิต หรือตั้งเป้าหมาย ที่ต้องการได้
จอร์จบุช : ครับ และที่สำคัญอีกเหมือนกันก็คือการที่ตัวเราต้องมีวินัยต่อตัวเอง มีความรับผิดชอบ แล้วก็รู้จักแบ่งเวลา อันนี้สำคัญมาก
ใหม่ : ใช่เลยค่ะ ในช่วงชีวิตของการเป็นเฟรชชี่ (น้องใหม่) มันมีอะไรมาให้เราทำมากมายไม่หยุดเลย เจอเพื่อนใหม่ๆ ประสบการ์ใหม่ๆ ตารางการดำเนินชิวิตของเราจะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก จนบางทีตั้งตัวไม่ทันกันเลยทีเดียว
จอร์จบุช : คือพูดง่ายๆ ว่า เราต้องปรับตัวเข้ากับชีวิตในมหาลัยให้ได้นั่นเองครับ^^
ปัญหาส่วนใหญ่ของนักศึกษาปีแรกคืออะไร และมีทางแก้อย่างไรบ้างครับ?
ใหม่ : การแบ่งเวลาไม่ถูก แล้วก็ปรับตัวไม่ได้ เพราะว่าตอนที่เราเข้าเรียนมหาวิทยาลัยใหม่ๆเนี่ย กิจกรรมเราจะเยอะมาก ทั้งเรียน ทั้งรับน้องของคณะ รับน้องของสาขา กิจกรรมทั้งหลายที่เฟรชชี่ต้องเข้าร่วม แล้วพอเราต้องทำอะไรๆ มากมายทุกวัน จะทำให้เรารู้สึกว่าเรามีเวลาน้อยไปมั้ย จะทำอะไรก่อนดี ทำตอนไหนล่ะ ดูมันเยอะไปหมด ไม่ชิน
จอร์จบุช : มันทำให้รู้สึกกดดันนะ แล้วก็ขี้เกียจด้วย เพราะการที่เราต้องทำอะไรทั้งวันมาแล้ว พอกลับบ้านกลับหองี้ เราก็จะ เกิดข้ออ้างกับตัวเองว่า เหนื่อยมาทั้งวันพักบ้างเหอะ หนังสือหนังหาไม่ต้องได้อ่านกันเลยครับช่วงนั้น แล้วยิ่งเจอ เพื่อนใหม่ใช่มั้ยครับ ก็ต้องปรับตัวเข้าหาเพื่อนอีก เหนื่อยเหมือนกันนะ
ใหม่ : แล้วอย่างใหม่เนี่ย มาเรียนไกลบ้าน ต้องมาอยู่หอ ช่วงนั้นนี่แบบว่าคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้านมาก เพราะมาอยู่นี่ เราต้องทุกอย่างด้วยตัวเองหมดเลย ต้องรับผิดชอบตัวเองว่าจะตื่นไปเรียนมั้ย ไปแล้วเรียนรึปล่าว ติดเที่ยวเล่นมาก ไปมั้ย เราต้องจัดสรรเวลาของเราให้ดีเลยแหละ
จอร์จบุช : บางทีไม่มีใครปลุกเหมือนอยู่บ้าน ก็ทำให้เราไม่ยอมตื่นไปเรียนได้เหมือนกัน (หัวเราะ)
ใหม่ : อันนี้ใหม่ก็เป็นนะ (หัวเราะ) อ้อ แล้วอีกเรื่อง สำคัญเลยแหละ คือการที่เรายังปรับตัวกับการเรียนในมหาวิทยาลัย ไม่ค่อยได้ มันจะส่งผลให้ผลการเรียนเราออกมาไม่เป็นที่น่าประทับใจเท่าไหร่
จอร์จบุช : ไม่ต้องรอให้เกรดออกก็ได้ครับ แค่ช่วงสอบแล้วเราทำข้อสอบไม่ได้ เพราะเรียนไม่รู้เรื่อง อ่านหนังสือไม่ทัน หรือว่าช่วงที่คะแนนสอบออกก็หนาวไปตามๆกันแล้ว
ใหม่ : มันทำให้เรารู้สึกท้อนะ มากด้วยแหละ เครียดไปหมดเลย ไม่รู้ทำไงดี
จอร์จบุช : อยากกลับบ้านมาก
ใหม่ : ตั้งแต่มาเรียนใหม่คุยโทรศัพท์กับที่บ้านทุกวัน ทำให้ไม่ค่อยคิดถึงมากเท่าไหร่ แต่อารมณ์มันจะเยอะเวลาที่เราเจอ ปัญหาหรืออย่างเวลาคะแนนออกที่บุชบอกไปเนี่ยแหละ แต่พอได้พูดคุยกับพ่อแม่ ขอคำปรึกษาจากท่าน ท่านก็จะให้กำลังใจเรามา ก็จะรู้สึกดีขึ้น แล้วก็ฮึดสู้ต่อเองค่ะ
จอร์จบุช : ที่สำคัญเราก็อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองด้วยนะ พยายามคิดไปข้างหน้าว่า ถ้าเราทำแบบนี้ๆแล้วผลมันจะเป็นยังไง เวลาท้อก็นึกถึงคนที่ส่งเรามาเรียน รับรอง มีกำลังใจสู้ต่อแน่ๆครับ
ใหม่ : ค่อยๆปรับตัวไป เดี๋ยวอะไรๆก็ดีขึ้นเองค่ะ^^
ก่อนที่จะเข้าสู่เส้นทางธรณีอย่างเต็มตัวในชั้นปีที่สอง ได้มีการเตรียมตัวไว้อย่างไรบ้างครับ?
ใหม่ : เตรียมใจค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้ก็ตื่นเต้นอยู่ว่าอีกไม่นานเราก็จะได้ออกภาคสนามแล้ว ก็พยายามพูดคุย สอบถามข้อมูลมาจากรุ่นพี่ว่าเป็นยังไง ต้องทำไงบ้าง แล้วก็เพื่อนๆที่เรียนที่อื่น ว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เรียนเป็นยังไงกันบ้างเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันน่ะค่ะ และก็ขอยืมหนังสือเค้ามาอ่าน (หัวเราะ)
จอร์จบุจ : แล้วก็ฟิตร่างกายให้พร้อมสำหรับออกภาคสนามครับ จากที่สอบถามรุ่นพี่มาก็น่าสนุกมาก แต่ว่าก็ไม่น่าง่าย เหมือนการเดินป่า หรือการเที่ยวเล่นทั่วไปแน่ๆครับ ^^
ในฐานะน้องปีหนึ่ง ดูรุ่นพี่ธรณีในชั้นปีอื่นๆ แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?
ใหม่ : รู้สึกว่าพี่ๆ เค้าเจ๋งดีแฮะ เราอึ้งนะอย่างเวลาที่พี่เค้าดูดิน ดูหิน แล้วสามารถบอกได้ว่า อันนี้หินอะไร เกิดจากอะไร อธิบายให้เราฟังได้ว่าหินสองก้อนที่เราดูว่ามันเหมือนกันมันต่างกันยังไง เค้าแยกแยะกันยังไง ประมาณนี้ค่ะ เราก็อยากทำได้อย่างเค้าค่ะ^^
จอร์จบุช : แล้วอย่างเวลาที่เราฟังพี่เค้าพูดกันมันจะมีพวกศัพท์ทางธรณีงี้ แบบว่าพี่เค้าจำได้ไง
ใหม่ : ใช่ๆ ตอนเราเรียนแรกๆ เรานั่งท่องกันแทบตายเลยนะ มันเยอะมาก แล้วยิ่งพี่ๆเค้าเรียนมาเยอะกว่าเรา ก็ต้องรู้เยอะกว่า พอไปถาม พี่ๆเค้ากลับบอกว่า มันอยู่ในสายเลือด
จอร์จบุช : ทำเราอึ้งไปเลย (หัวเราะ) ยิ่งได้ดูรูปที่พี่ๆเค้าออกภาคสนามกันแล้ว น่าสนุกดี ก็อยากออกมั่งครับ แต่ว่าคงต้อง ทำใจหน่อย เห็นพี่ๆกลับจากออกภาคสนามทีไร ดำกลับมาทุกคนเลย (หัวเราะ)
ใหม่ : ดำแต่ก็น่ารักอยู่นะบุช (หัวเราะ) พี่ๆ ทุกคนน่ารักมาก ใจดีด้วย มีอะไรเราก็ถามพี่เค้าได้ตลอด เวลาจะสอบ พี่เค้าก็ยังมาติวให้เราด้วยค่ะ^^
สุดท้ายนี้อยากฝากบอกอะไรกับน้องๆ ที่จะเข้ามาเป็นน้องใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยบ้างครับ?
ใหม่ : ก็ขอแสดงความยินดีกับน้องๆว่าที่นักธรณีในอนาคตทุกคนเลยนะคะ ก็ขอให้ตั้งใจกันให้เต็มที่เลยนะ พยายามเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อที่เราจะได้นำไปใช้ได้ในวันข้างหน้า
จอร์จบุช : เรียนที่ไหนก็ยากเหมือนกันครับ มันอยู่ที่ตัวเราแหละ ทำให้เต็มที่เลยนะ พี่ๆเป็นกำลังใจให้ครับ
ใหม่ : อะไรๆ มันไม่ยากเกินความตั้งใจและความพยายามของเราหรอกค่ะ
จอร์จบุช : ใช่ครับ สู้ๆ สู้ตายย!! ^_____^